การตรวจสอบทองคำแท้หรือทองปลอมนั้นมีหลายวิธี ทั้งแบบที่ทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ และวิธีที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือเครื่องมือเฉพาะทาง โดยมีข้อสังเกตและวิธีการดังนี้:
วิธีเช็คทองแท้ด้วยตัวเอง (เบื้องต้น)
- ดูตราประทับ/โลโก้ร้าน/เลขเปอร์เซ็นต์ทอง:
- ทองแท้: มักมีตราประทับของร้านค้าผู้ผลิต หรือโลโก้ที่เป็นที่รู้จัก รวมถึงตัวเลขที่บ่งบอกถึงเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ของทอง (เช่น 96.5% สำหรับทองไทย, 750 สำหรับทอง 18K, 585 สำหรับทอง 14K) ตราประทับควรจะคมชัด ไม่เบลอหรือเลือนลาง สังเกตตามข้อต่อ ห่วง หรือด้านในของเครื่องประดับ
- ทองปลอม: ตราประทับอาจจะดูไม่ชัดเจน, เบลอ, หรือเป็นตัวเลขที่ไม่มีความหมาย
- สังเกตสีและความแวววาว:
- ทองแท้ (96.5%): จะมีสีเหลืองทองที่สุกปลั่งเป็นเอกลักษณ์ ไม่แวววาวจนเกินไป หรือหมองคล้ำจนผิดปกติ
- ทองปลอม: อาจมีสีที่ดูซีดจาง, แวววาวเกินจริงเหมือนโลหะชุบ, หรือมีสีที่ออกไปทางโลหะอื่นผสม
- ทดสอบด้วยแม่เหล็ก:
- ทองแท้: ทองคำแท้ไม่มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก ดังนั้นจะไม่ถูกแม่เหล็กดูด
- ทองปลอม: หากนำแม่เหล็กแรงสูงมาใกล้แล้วทองถูกดูดติด แสดงว่ามีส่วนผสมของโลหะที่เป็นแม่เหล็กอยู่มาก เช่น เหล็ก ซึ่งเป็นลักษณะของทองปลอม หรือโลหะชุบทอง
- ทดสอบด้วยน้ำหนักและขนาด:
- ทองแท้: ทองคำเป็นโลหะที่มีความหนาแน่นสูง ทองแท้ 1 บาท (15.16 กรัมสำหรับทองรูปพรรณ และ 15.244 กรัมสำหรับทองคำแท่ง) จะมีน้ำหนักและขนาดที่ค่อนข้างเฉพาะตัว ผู้ที่คุ้นเคยกับทองแท้จะสามารถรับรู้ถึงน้ำหนักที่ "ถ่วงมือ" ได้
- ทองปลอม: มักจะมีน้ำหนักเบากว่าทองแท้ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เพราะอาจมีการยัดไส้ด้วยโลหะเบากว่า หรือทำจากโลหะอื่นที่ความหนาแน่นต่ำกว่า
- ใช้เล็บจิก/กัดดู (ระวังความเสียหาย):
- ทองแท้: ทองคำแท้มีเนื้ออ่อน หากใช้เล็บจิกหรือฟันกัดเบาๆ จะเกิดรอยบุ๋มเล็กน้อย (ไม่ควรทำแรงๆ เพราะอาจทำให้ทองเสียรูปทรง)
- ทองปลอม: มักจะแข็งกระด้างกว่าทองแท้มาก หรือหากจิกแล้วเนื้อทองลอกออกเป็นชั้น แสดงว่าเป็นการชุบทอง
- การฝนกับแผ่นเซรามิก (ควรระวัง):
- ทองแท้: ลองนำทองไปฝนเบาๆ กับก้นจานเซรามิกที่ไม่ได้เคลือบ (ส่วนที่สากๆ) หากเป็นทองแท้จะไม่มีรอยดำปรากฏขึ้นบนจาน
- ทองปลอม: หากเป็นทองปลอมที่มีส่วนผสมของโลหะอื่น เช่น ทองแดง หรือเหล็ก อาจมีรอยดำปรากฏบนจานเซรามิก
- การเผาไฟ (ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ):
- ทองแท้: เมื่อเผาด้วยไฟ (เช่น ไฟแช็กหรือตะเกียง) จนแดง แล้วปล่อยให้เย็นตัวลง ทองแท้จะไม่เปลี่ยนสีหรือมีรอยดำคล้ำ แต่จะกลับมาเป็นสีทองเหมือนเดิม (อาจต้องระวังเรื่องปรอทกินทองหากเคยสัมผัสปรอท)
- ทองปลอม: มักจะมีสีเปลี่ยนไป (เช่น ดำ, เขียว) ละลาย, บิดเบี้ยว, หรือมีคราบเขม่าดำติดอยู่
วิธีที่แม่นยำที่สุด (ควรให้ผู้เชี่ยวชาญทำ)
- การทดสอบด้วยกรดไนตริก (Nitric Acid Test):
- เป็นวิธีที่ร้านทองและผู้เชี่ยวชาญนิยมใช้ โดยการขูดเนื้อทองลงบนแผ่นหินทดสอบ แล้วหยดกรดไนตริกลงไป หากเป็นทองแท้จะไม่เกิดปฏิกิริยา แต่หากเป็นโลหะอื่นจะเกิดฟอง หรือเนื้อโลหะจะละลายหายไป วิธีนี้มีความแม่นยำสูง แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้สารเคมี
- เครื่องตรวจทอง (X-ray Fluorescence Spectrometer - XRF):
- เป็นเครื่องมือที่ใช้รังสี X-ray ในการวิเคราะห์ส่วนประกอบทางเคมีของโลหะได้อย่างละเอียดและแม่นยำ โดยไม่ทำลายเนื้อทอง สามารถบอกเปอร์เซ็นต์ของทองคำและโลหะผสมอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน เป็นวิธีที่ใช้กันในร้านทองขนาดใหญ่และโรงงานผลิต
ข้อควรระวัง:
- ซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ: วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงทองปลอมคือการซื้อทองจากร้านทองที่มีชื่อเสียง มีใบอนุญาตประกอบการ และมีประวัติที่ดี
- อย่าเชื่อใจง่ายๆ: โดยเฉพาะการซื้อขายทองทางออนไลน์ที่ไม่สามารถตรวจสอบสินค้าได้ด้วยตัวเอง
หากคุณไม่มั่นใจในการตรวจสอบด้วยตัวเอง ควรนำทองไปให้ร้านทองที่เชื่อถือได้ตรวจสอบเพื่อความมั่นใจและปลอดภัยที่สุด